เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ส่งผลต่อร่างกายคนเราแตกต่างกันออกไป หลายคนอาจไม่แสดงอาการป่วยเลย แต่บางคนอาจต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานหลายสัปดาห์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถเข้าสู่ร่างกายคนเราได้ทางปาก จมูก หรือ ตา ดยมักไปเกาะติดกับเซลล์ในเยื่อบุจมูก ช่องคอ ทางเดินหายใจ หรือปอด ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนให้เซลล์เหล่านี้กลายเป็นโรงงานที่เพิ่มจำนวนและแพร่เชื้อไวรัสออกไป ไวรัสนี้ทำให้เกิดการตอบโต้ของระบบภูมิคุ้มกันอย่างไม่สมดุล มีอาการอักเสบ - การอักเสบที่ปอดเรียกว่าอาการปอดปวม เป็นไปได้ที่เชื้อจะเดินทางเข้าปาก ผ่านหลอดลม และเข้าไปสู่ถุงลมในปอดในที่สุด ในนี้จะมีกระบวนการการนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดและขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แต่ในภาวะปอดบวม น้ำจะเริ่มเข้ามาในถุงลมเล็ก ๆ และทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่มและหายใจไม่สะดวกในที่สุด - ในระยะนี้ บางคนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ข้อมูลจากจีนชี้ว่า 14 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รับผลกระทบในขั้นนี้ ร่างกายสู้ไม่ไหวและอาจเสียชีวิตได้ ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถจัดการตัวเองได้ และสร้างความเสียหายไปทั่วร่างกาย อาจเกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อความดันโลหิตต่ำจนอวัยวะไม่สามารถทำงานได้ หรือหยุดทำงานไป อาการอักเสบที่ปอดทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ไตอาจหยุดฟอกเลือด เยื่อบุลำไส้ถูกทำลายและหากระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถสู้ไวรัสได้ ไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทุกที่ที่ทำได้เพื่อทำลายร่างกายเพิ่มอีก
สำหรับคนส่วนใหญ่ เมื่อติดเชื้อชนิดนี้อาจมีอาการรุนแรงที่สุดคือ มีไข้สูง ไอ และหายใจลำบาก แต่ไวรัสก่อโรคโควิด-19 อาจสร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดขนาดเล็กที่อยู่ในปอด และทำให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่ม หากเกิดการอักเสบที่ถุงลมซึ่งมีหน้าที่นำออกซิเจนเข้าสู่เลือดก็จะทำให้เกิดอาการปอดบวม ซึ่งในผู้ป่วยอาการหนักนั้น แพทย์จะต้องรักษาด้วยการให้ออกซิเจน เพราะปอดเต็มไปด้วยของเหลวและซากเซลล์ที่ตายแล้ว
โควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เฉพาะปอด แต่มันยังรบกวนระบบภูมิคุ้มกันซึ่งร่างกายใช้ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ด้วย ขณะนี้โควิด 19 กำลังระบาดหนักขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
ข่าว ณ. วันที่ 9 ธ.ค. 2563 เวลา 11.06 น. โดย งานบริการและเผยแพร่วิชาการ1
ผู้เข้าชม 88 ท่าน |